top of page

เจาะลึก! กรุ๊ปน้ำมันเครื่องแบบไหนดีกว่ากัน

อัปเดตเมื่อ 5 ก.ค.

หลายคนน่าจะเคยได้ยินว่า เวลาเลือกน้ำมันเครื่องให้ดูเบอร์ (SAE) เป็นหลัก แต่ถ้าให้เจาะลึกกว่านั้น ควรมีการดูที่ "มาตรฐาน" และ" กรุ๊ปน้ำมันเครื่อง" ด้วยจะทำให้ได้เทคโนโลยีใหม่ และ น้ำมันเครื่องที่ทนทานต่อความร้อนดีขึ้น


เมื่อน้ำมันเครื่องเทคโนโลยีใหม่ จะมีการหล่อลื่นและทนต่อความร้อนที่ดีกว่า ทำให้ลดความเสียหายในระยะยาวต่อเครื่องยนต์ได้อีกด้วยนะครับ


วันนี้โฟรตรอนแมน จะพามาเจาะลึกกับหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเลือกน้ำมันเครื่องแบบเจาะลึก คือ *กรุ๊ปน้ำมันเครื่อง*



กรุ๊ปน้ำมันเครื่อง หรือ Base Oil สำคัญอย่างไร


“กรุ๊ปน้ำมันเครื่อง” หรือ Base Oil Group คือ การแบ่งประเภทน้ำมันพื้นฐานที่ใช้ในการผลิตน้ำมันเครื่อง (Lubricant) โดยแต่ละกลุ่มมีผลโดยตรงต่อ คุณภาพ, ความสามารถในการหล่อลื่น, ทนความร้อน, การระเหย, และ อายุการใช้งาน ของน้ำมันเครื่อง สามารถแบ่งได้ดังนี้


กลุ่ม

ชนิดน้ำมัน

กระบวนการผลิต

คุณสมบัติเด่น

ตัวอย่างการใช้งาน

Group I

Mineral

Solvent Refining (กลั่นหยาบ)

ราคาถูก, ทนความร้อนไม่ดี, สลายเร็ว

รถยนต์รุ่นเก่า, อุตสาหกรรมทั่วไป

Group II

Mineral

Hydrocracking

คุณภาพดีกว่า Group I, ราคาถูก, สีใส

รถยนต์ทั่วไป, น้ำมันดีเซลเบา

Group III

Synthetic (แท้เทียม)

Hydroisomerization

คุณภาพดี, ทนร้อน, ใช้นานขึ้น

รถยนต์สมัยใหม่, Semi-Synthetic

Group IV

PAO (Polyalphaolefin)

สังเคราะห์แท้ 100%

ทนร้อนสูง, ไหลดีในอุณหภูมิต่ำ, ใช้นานมาก

รถสปอร์ต, รถแข่ง, รถสมรรถนะสูง

Group V

Ester / Others / สารเพิ่มประสิทธิภาพ

สังเคราะห์เฉพาะทาง

ยึดเกาะโลหะดีเยี่ยม, ทนร้อนสุดขีด

น้ำมันเครื่องสูตรพิเศษ, racing oil

โดยปกติแล้วในเมืองไทย คำว่า "สังเคราะห์แท้" หมายถึง กรุ๊ป 3 (Group III) ซึ่งในความจริงแล้วเป็นแค่ Synthetic แท้เทียมเท่านั้น ต้องเป็นกรุ๊ป 4 (PAO) จึงเรียกว่า สังเคราะห์แท้ 100% ได้


กรุ๊ป 5 (Group V) หรือ เอสเทอร์ (ESTER) หรือ กรุ๊ปสารเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติของกรุ๊ปนี้อย่างเดียวไม่เหมาะกับการหล่อลื่น แต่มีการทนความร้อนสูง ทำให้มักถูกใช้ผสมกับกรุ๊ปอื่นๆ เช่น กรุ๊ป 3, กรุ๊ป 4 (ไม่นิยมผสมกับกรุ๊ป 1 หรือ 2 เพราะราคาสูง) ดังนั้น น้ำมันเครื่องประเภท ESTER 100% จึงไม่มีอยู่จริง



กรุ๊ปไหนทนความร้อนสูงกว่ากัน


ความสามารถในการทนความร้อนและความเสถียรในสภาพใช้งานหนัก สามารถบ่งชี้ได้ตามคุณภาพของกรุ๊ปน้ำมันเครื่องได้เลย ยิ่งกรุ๊ปสูงจะเหมาะกับเครื่องยนต์รอบสูงหรือใช้งานสมรรถนะสูง เช่น รถแข่ง รถเทอร์โบ หรือรถที่ใช้นานๆ ต่อเนื่อง


  • Group I → ประมาณ 180°C

  • Group II → ประมาณ 220°C

  • Group III → ประมาณ 260°C

  • Group IV (PAO) → ประมาณ 300°C


เมื่อมาเปรียบเทียบกับค่าความหนืด (Viscosity) แล้ว เบอร์น้ำมันเครื่องที่ความหนืดสูง จะมีช่วงการทนความร้อนที่กว้างเบอร์น้ำมันเครื่องที่ใสกว่า แต่สำหรับความหนืดมีข้อจำกัดในการใช้งาน เพราะหากน้ำมันเครื่องเบอร์ใสหรือหนืดเกินไป จะทำให้การทำงานของเครื่องไม่เต็มประสิทธิภาพได้


เช่น

หากเป็นรถใหม่ แล้วใส่น้ำมันเครื่องเบอร์ 10W60 จะทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักในการหมุนน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดสูง จึงเกิดปัญหาอัตราเร่งอืด ตามมาด้วยเรื่องความร้อน และเครื่องยนต์จะหลวมเร็วขึ้น


หากเป็นรถเก่า หรือใช้งานมาแล้วมากกว่า 300,000 กม. แต่ใช้เบอร์ 0W20 จะทำให้เกิดอาการกินน้ำมันเครื่อง เพราะน้ำมันเครื่องไม่สามารถเกาะกับเครื่องยนต์ที่ระยะลูกสูบกว้างได้ จะตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดัง และหากน้ำมันเครื่องหายจนไม่เพียงพอต่อการหล่อลื่น จะเกิดอาการชิ้นส่วนละลายในเครื่องยนต์ หรือภาษาช่างเรียกว่า ชาร์ปละลาย ได้


ซึ่ง ปัจจัยกรุ๊ปน้ำมันเครื่อง ไม่มีข้อจำกัด ในส่วนนี้ทำให้สามารถเลือกได้ตามต้องการครับ

ความหนืด (Viscosity)

การทนความร้อน (°C โดยประมาณ)

0W20

200°C

0W30

210°C

5W30

220°C

5W40

230°C

10W40

240°C

15W40

245°C

10W50

260°C

10W60

270°C


โดยสรุปแล้ว คุณภาพของน้ำมันเครื่องจะแปรผันตามกรุ๊ปน้ำมันเครื่องที่ใช้ มากกว่าความหนืดของน้ำมันเครื่อง ซึ่งแน่นอนว่าตามมาด้วยราคา


ดังนั้น หากคุณต้องการน้ำมันเครื่องที่คุณภาพสูงจริงๆ ให้เลือกที่กรุ๊ปน้ำมันเครื่องเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ความหนืดก็ต้องเหมาะสมกับเครื่องยนต์ด้วย จึงจะทำให้ได้ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องตัวนั้นๆ สูงสุดครับ


//


#น้ำมันเครื่อง #กรุ๊ปน้ำมันเครื่อง #เบสออยล ์#เลือกน้ำมันเครื่องอย่างไรให้ดี


--------------------------------------------------

และหากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ผมมั่นใจว่าคุณต้องเป็นหนึ่งในคนที่เลือกน้ำมันเครื่องที่ดีให้กับรถคุณเองแน่นอน


คงจะไม่เป็นการเสียเวลามาก หากผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับแบรนด์ที่กล้าใช้เบสออยล์ กรุ๊ป 3 กรุ๊ป 4 มาทำน้ำมันเครื่องที่ดีออกมาให้ผู้ใช้รถได้ใช้กัน มาด้วยมาตรฐานล่าสุด พร้อมเบอร์ความหนืดที่เหมาะกับรถรุ่นใหม่


Fortron Motor Oil

น้ำมันเครื่องคุณภาพสูง นำเข้าจากออสเตรเลีย แบ่งออกเป็น 2 ซีรี่ย์

1.สตรอง (Strong Series)

เน้นความทนทาน อายุการใช้ของน้ำมันเครื่อง แต่ไม่ด้อยเรื่องประสิทธิภาพการหล่อลื่นด้วย กรุ๊ปน้ำมันเครื่องกลุ่ม 3 และ 3+ (นำเข้าจากออสเตรเลีย) อายุการใช้งานสูงสุด 20,000 กม. และสารเพิ่มประสิทธิภาพ Supreme (ESTER) ทำให้เพิ่มอัตราประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 5% จากการเปลี่ยนเพียงครั้งแรก

สำหรับเบนซิน Strong 5W-30, Strong 5W-40

สำหรับดีเซล Strong D 5W-30, Strong D 5W-40, Strong D 10W-30, Strong D 15W-40


2.เรซซิ่ง (Racing Series)

เน้นประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สูงสุด ด้วยกรุ๊ปน้ำมันเครื่อง 4 PAO 100% ที่ให้การหล่อลื่นและการทนความร้อนสูงสำหรับรถที่ใช้รอบจัด รถแข่ง รถสปอร์ต ซุปเปอร์คาร์ ผสานกับสารเพิ่มประสิทธิภาพ Supreme (ESTER) จากออสเตรเลีย ทำให้สัมผัสได้ถึงอัตราเร่งที่เปลี่ยนไป ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

สามารถใช้ได้ทั้งเบนซิน และดีเซล

Racing 0W-30, Racing 0W-40, Racing 5W-50, Racing 10W-60


สำหรับท่านที่สนใจสามารถทดสอบคุณภาพด้วยตัวเองได้

สั่งซื้อโดยตรงผ่านเว็บไซต์ของเรา


หรือผ่านทาง Marketplace


แล้วคุณจะไม่ผิดหวังกับสินค้าคุณภาพที่คุ้มค่าคุ้มราคาแบรนด์นี้แน่นอน

 
 
 

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page